หลังจากที่รอคอยมานานร่วม 50 วัน จากการเข้าดักแด้ของเจ้าตัวนี้ในที่สุดก้ออกเป็นตัวให้ได้ชื่นชมครับ
Mee male 101 mm
Big eye
Welcome to my breeder insect blog in Thailand contract me : atlasssw@hotmail.com 087-561-7805 ----------------สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับ สู่ zpangz-blogspot บลอก ที่จะอัพเดทเรื่องราวของแมลงต่างๆที่ตัวผมสนใจมาตั้งแต่เด็ก และเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ที่ธรรมชาติได้สร้างขึ้น และผมขอเรียนรู้และศึกษาจากการเพาะพันธุ์ และในขณะเดียวก็นก็ขอพาทุกๆท่านได้เดินหลงใหลไปตามโลกของแมลงครับ
8/10/54
1 day 2 night Bkk-Chm-Bkk [Siam Insect Zoo]
15 ก.ย.54
กรุงเทพ
9:35 น.
เช้าวันนี้อากาศสดใสไร้ร่องรอยของลมฝนฟ้าพายุที่โหมกระหน่ำซ้ำกันมาหลายวัน ถือเป็นฤกษ์ดีส่วนตัวของผมที่จะออกเดินทางไปตามความฝันความชอบของตนเอง และคลายข้อสงสัย ความอยากรู้ อยากเห็น ที่ค้างมานานหลายปี ซึ่งความชอบนี้เองที่ภายหลังได้แปรเปลี่ยนกลายเป้นงานอดิเรกของผมขึ้นมาในภายหลัง
หลายท่านคงรู้จัก แมลงปีกแข็งชนิดหนึ่งที่มีชื่อเรียกในหลายภาษาท้องถิ่นว่า ด้วง แมงกวาง ในภาคกลาง แมงคาม ในภาคอีสาน หรือ "กว่าง" ในภาคเหนือ และเจ้าแมลงปีกแข็งตัวน้อยนี้เอง เป็นที่มาของงานอดิเรก และการบุกเดี่ยวขึ้นเหนือครั้งนี้ของผม.......
กรุงเทพ
9:45 น.
หลังจากสะพายเป้ขึ้นหลัง ซ้อนวินมอไซค์มายังอู่รถเมล์ 138 เพื่อมุ่งหน้าไปที่ตลาดนัดซันเดย์หลังตลาดนัดสวนจตุจักร โดยจุดมุ่งหมายที่ตลาดซันเดย์วันนี้ ก็เพื่อจะหากว่างสวยๆจำนวนหนึ่ง ติดกระเป๋าไปเผื่อจะได้ไว้ใช้ยามฉุกเฉิน(จับผุกติดกันแล้วให้มันบินพากลับ กทม อิอิ )
11:10 น.
หลังจากนั่งเลือกกว่างอยู่นานมากจากนับ200-300 ตัว ผมได้กว่างชนสวยๆเพียง 10 ตัว ติดมือเดินทางขึ้นเหนือในครั้งนี้ ในราคาส่งที่พอรับได้ (หวังว่าจะได้ค่ารถขากลับนะ) ก็จัดการจัดเก็บลงกระเป๋าเป้ แล้วเดินทางต่ออย่างเร่งรีบ
12:35
ใช้เวลานั่งรถไฟดำดินผ่ากลางเมืองไม่นานนัก ผมก้พาตัวเองขึ้นมานั่งแป้นแล้น เขียนบันทึกอยู่ที่ ชานชาลา 8 ของสถานีรถไฟหัวลำโพง ใช่แล้วครับ การเดินทางขาไปในครั้งนี้ผมขอเลือกบริการ "รถไฟฟรี เพื่อประชาชน"ของรัฐบาลสักหน่อย โดยมีขบวนรถไฟให้บริการตั้ง 1 เที่ยว ต่อวัน คือ ขบวน รถเร็ว 109 ออกจากสถานีหัวลำโพง เวลา 14:30 น. และตามกำหนดการจะถึงปลายทางเวลา 05:10 น. (ผมกะไว้ว่าถึงประมาณ 7:00 น. ชัวร์ ตามหลักการ การเดินทางกับรถไฟไทย คือ อย่าเชื่อเวลาที่ลงในตั๋ว อิอิ) แต่ทำไม่ต้องมารอก่อนรถออกตั้งนาน ก็เพราะ เป้นรถไฟฟรีไงครับ เลยต้องมารอดุหน้าตาผู้โดยสารกันเป็นธรรมดา เพราะกลัวการมั่วที่นั่งเกิดขึ้น แล้ว เวลาที่รอคอยมันช่างผ่านไปอย่างช้าๆ แต่ก็ได้เห็นได้สังเกต ผู้คนมากมาย ต่างเชื้อชาติ ศาสนา และวัมนธรรม ที่มารวมอยุ่ในสถานีขนส่งขนาดใหญ่นี้
ย้ายตัวเองขึ้นมานั่งเจ๋อ อยุ่บนโบกี้รถไฟ เลขที่นั่ง 4/51 บรรยากาศ ภายใน ไม่ครึกคื้นอย่างที่คิด แต่ก็มีการคุยส่งเสียวกันพอสมควร แต่จะแตกต่างจากรถไฟลอยฟฟ้าลัดเลาะตึกในกรุง ก็ตรงที่ภาษาเหล่านั้นเป็นภาษาท้องถิ่น มิ ใช้ภาษาต่างชาติต่างเมือง อาจมีภาษาอังกฤษบ้างนิดหน่อยเท่านั้น บ้างคุยกันเรื่องสภาพอากาศ สารทุกข์สุขดิบ และเรื่องจุดหมายปลายทางของแต่ละคน และผมเองก้ใจชื้นขึ้นบ้างที่รู้ว่าจะมีผู้ร่วมทางจนสุดรางร่วมกันหลายคน.....
14:30 น.
ขบวนรถเคลื่อนตัวเองออกจากชานชาลามุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทาง นำพาผู้คนต่างถิ่น ต่างวิถี ตรงไปยังเส้นทางเดียวกัน ตราบใดที่ ล้อเหล็ก ยังวิ่งประกบคู่ไปกับสองรางคุ่ขนานสุดลูกหุลูกตา
ผมเองเริ่มมีความรุ้สึกแตกต่าง เมื่อขบวนรถได้ผ่านแยกยมราชมุ่งตรงสู้วิวทิวทัศน์ที่ไม่คุ้นตาสักเท่าไหร่ เนื่องจากเคยไปแต่รถไฟสายตะวันออก และคงเป็นวิวที่ไม่คุ้นเหล่านี้กระมัง ที่ปลุกความตื่เต้นให้ฟื้นคืนมาอีครั้ง...
15:05 น.
นั่งชมวิวผ่านกรอบรุปที่วิวภายในเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและเส้นทางมาได้สักพัก ก็มาสะดุดตากับปฏิมากรรมเสาสี่เหลี่ยมสีขาวอันเป็นสัญลักษณ์ ของย่านหลักสี่-ดอนเมือง แล้วก็นึกเสียดายเงินของประเทศที่ลงทุนไปถูกปล่อยทิ้งรกร้าไร้ประโยชน์
ทิวเขาสัญลักษณ์ว่าเราได้ออกพ้นจากความวุ่นวายในตัวเมืองแล้ว
ผมว่า สถานีนี้สวยกว่าหลายสถานีโดยเฉพาะในเส้นทางภาคตะวันออก
(ในเส้นทางสายเหนือเห็นไม่หมด เนื่องจาก หลับ )
(ในเส้นทางสายเหนือเห็นไม่หมด เนื่องจาก หลับ )
ห้องอาหารมื้อค่ำ กินไปเป่าไป เพราะมันร้อนมากกก(ข้าวต้มหมู) เป็นการทานข้าวข้ามอำเภอหรือจังหวัดครั้งแรกของผม 555
21:00น.การเดินทางครั้งนี้ผมได้ประสบการณ์เพิ่มอีกแล้วครับ คือ การนั่งรถไฟลอยน้ำ เคยนั่งแต่รถไฟลอยฟ้าในเมืองจนชินพึ่งจะได้มานั่งรถไฟลอยน้ำก็วันนี้ หลังจากที่ขบวนรถวิ่งด้วยความเร็ว ราวกับขโมยย่องเบา จากสถานี บางมูลนาก สุ่ สถานี ตะพานหิน เพราะน้ำท่วมราง ทำให้เสียเวลาไปเยอะทีเดียว เฮ้อ......
23:30 น.
บรรยากาศภายในโบกี้ช่างเงียบสนิท ผู้ร่วมทางต่างหลับไหลจากการเหนื่อยล้าและความมืดมิด ภาพเมืองน้อยใหญ่ที่ปิดและพักตัวเองให้หลับใหลไปตามกาลเวลา พัดผ่านกรอบรุปขนาดใหญ่ข้างๆผมนี้ แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของเมืองที่วุ่นวาย เร่งรีบ เปรียบเทียบกับเมืองที่ สงบ สบาย ว่าเมืองไหนที่น่าอยู่มากกว่ากัน หรือ บางทีเวลาในตอนนี้อาจเป็นตัวการทำให้เมืองเหล่านี้ สงบลงเองกระมัง
16 ก.ย. 2554
05:30 น.
เวลานี้ คือกำหนดเวลาที่เราจะต้องไปถึงจุดหมายปลายทาง แต่ขยวนรถพึงจะดึงตัวเองวิ่งออกห่างจากถสานีนครลำปางออกไปเรื่อยๆโดยมีเงาสลัวล้อมสองข้างทาง ประกอบกับกลิ่นของกาแฟผสมกับกลิ่นของมาม่ารถต้มยำกุ้ง ซึ่งมันทำให้ผมอยากกินมาม่ารถกาแฟเป็นยิ่งนัก กลิ่นดชยมาจากพ่อค้าคนแรกที่เดินขายของเช้าตรู่วันนี้ หลังจากผ่านหลากหลายเมนูระหว่างทางเมื่อคืน เช่น สายไหม,หมูทอด-อยุธยา
ไอศกรีมกะทิ-บ้านภาชี ปลาช่อนแดดเดียว-ท่าเรือ โมจิ-นครสวรรค์ ผัดไท,ข้าวต้มหมู,ก๋วยจั๋บ-อุตรดิตถ์ ไก่ทอด,ไส้อั่ว-ขุนตาน
เฮ้อ....ถึงที่หมายคงต้องจัดชุดใหญ่
มุดออกจาก ขุนตาน แล้ว จ้า
บรรยากาศยามเช้า ก่อนเข้าสถานี ลำพูน
7
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)